Category Archives: ตำบลนาจอมเทียน
ตำบลนาจอมเทียน
ตำบลนาจอมเทียน เป็นตำบลหนึ่งใน 5 ตำบลของ อำเภอสัตหีบ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดชลบุรีประมาณ 85 กิโลเมตร ความสำคัญของสัตหีบคือเป็นเมืองแห่งฐานทัพเรือและเป็นฐานทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ที่ตั้งและอาณาเขต
[แก้]
อำเภอสัตหีบเป็นอำเภอใต้สุดของจังหวัดชลบุรี มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบางละมุง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบ้านฉาง (จังหวัดระยอง)
- ทิศใต้ จรดอ่าวไทย
- ทิศตะวันตก จรดอ่าวไทย
ประวัติ
[แก้]
มีเรื่องเล่าว่า ช่วงประมาณรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 สัตหีบเป็นเพียงหมู่บ้านชายทะเล ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา หาของป่า และประมง การคมนาคมจะใช้ทางน้ำโดยเรือเมล์หรือเรือใบ ส่วนทางบกมีแต่ทางเกวียน ถนนไปชลบุรียังไม่มี ภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นป่ารกทึบ การเดินทางระหว่างเมืองจึงใช้เรือเป็นหลัก
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จประพาสทางชลมารคเลียบฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย โดยเรือพระที่นั่ง มหาจักรี ในปี พ.ศ. 2457 พระองค์ได้เสด็จฯ มาประทับในอ่าวสัตหีบเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมรบของกองทัพเรือด้วยในการเสด็จคราวนั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรหมู่บ้านสัตหีบ เห็นว่าเป็นชัยภูมิอันเหมาะสมที่จะตั้งเป็นฐานทัพเรือ จึงได้มีพระบรมราชโองการด้วยพระโอษฐ์ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2457 แก่พระยาราชเสนาผู้แทนสมุหเทศภิบาล มลทฑจันทบุรี และพระยาประชาไศรยสรเดช ผู้ว่าราชการเมืองชลบุรี ขณะทรงประทับอยู่ในเรือพระที่นั่งว่า มีพระราชประสงค์ที่ดินฝั่งตำบลสัตหีบ และที่ไกล้เคียงตลอดทั้งเกาะใหญ่น้อย บรรดาที่มีอยู่ริมฝั่งน้ำอย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับใบเหยียบย่ำหรือ กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินบนฝั่งหรือเกาะที่สงวนไว้แล้วนั้นเป็นอันขาด[1]
หลายท่านให้ความคิดเห็นว่า “สัตต” แปลว่า เจ็ด “หีบ” หมายถึง หีบ ฉะนั้นคำว่า “สัตหีบ” ก็น่าจะแปลว่า หีบเจ็ดใบ ซึ่งสอดคล้องตามตำนานประวัติเจ้าแม่แหลมเทียนว่าได้นำพระราชาลงในหีบเจ็ดใบเพื่อหลบหนียักษ์
อีกหลักฐานหนึ่งมาจากกองประวัติศาสตร์ทหารเรือระบุว่า เมื่อ พ.ศ. 2464 รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จตรวจเยี่ยมหัวเมืองชายทะเล เพื่อจะสร้างแนวป้องกันชายฝั่งทะเลด้านนอกเพิ่มขึ้น เพราะป้อมพระจุลจอมเกล้าที่ปากน้ำสมุทรปราการนั้นใกล้เมืองหลวงมากเกินไป จึงทรงดำริหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งกองทัพเรือ เพื่อตรวจตรารักษาฝั่งและเขตน่านน้ำใหญ่ จึงพระราชทานนามว่า สัตตหีบ เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นเกาะ 7 เกาะ เป็นที่กำบังลมให้แก่หมู่เรือได้ดี คำว่า “สัตหีบ” หมายถึง ที่กำบังเจ็ดแห่ง (หีบ = ที่บัง) อันหมายถึงเกาะต่าง ๆ กล่าวคือ เกาะพระ เกาะยอ เกาะหมู เกาะเตาหม้อ เกาะเณร เกาะสันฉลาม และเกาะเลา
สัตหีบแยกจากอำเภอบางละมุงเพื่อเป็น กิ่งอำเภอสัตหีบ เมื่อ พ.ศ. 2480 โดยประกอบด้วยตำบลสัตหีบและตำบลนาจอมเทียน และได้รับประกาศแต่งตั้งเป็น อำเภอสัตหีบ เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2496 ดังปรากฏในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 70 ตอนที่ 17 ลงวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2496 โดยมีนายอำเภอคนแรกชื่อ นายชุมพล อุทยานิก
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค
[แก้]
อำเภอสัตหีบแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 5 ตำบล 41 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | สัตหีบ | (Sattahip) | |||
2. | นาจอมเทียน | (Na Chom Thian) | |||
3. | พลูตาหลวง | (Phlu Ta Luang) | |||
4. | บางเสร่ | (Bang Sare) | |||
5. | แสมสาร | (Samaesan) |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
[แก้]
ท้องที่อำเภอสัตหีบประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลเมืองสัตหีบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสัตหีบ เฉพาะบางส่วนของหมู่ที่ 1–8; และตำบลพลูตาหลวง เฉพาะบางส่วนของหมู่ที่ 7
- เทศบาลตำบลนาจอมเทียน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาจอมเทียน เฉพาะหมู่ที่ 4, 9 และบางส่วนของหมู่ที่ 1–3, 8
- เทศบาลตำบลบางเสร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางเสร่ เฉพาะหมู่ที่ 1–2, 4, 8 และบางส่วนของหมู่ที่ 3, 5–6, 9–10
- เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสัตหีบ เฉพาะหมู่ที่ 9 และบางส่วนของหมู่ที่ 1–8
- เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางเสร่ เฉพาะหมู่ที่ 7, 11 และบางส่วนของหมู่ที่ 3, 5–6, 9–10
- เทศบาลตำบลเขาชีจรรย์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาจอมเทียน เฉพาะหมู่ที่ 5–7 และบางส่วนของหมู่ที่ 1–3, 8
- องค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพลูตาหลวง เฉพาะหมู่ที่ 1–6, 8 และบางส่วนของหมู่ที่ 7
- องค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแสมสารทั้งตำบล
เศรษฐกิจ
[แก้]
ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับราชการและประมงปัจจุบันมีแรงงานภาคอุตสาหกรรมที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมรอบ ๆ มาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่อาชีพเสริมได้แก่การเกษตร โดยมีผลผลิตสำคัญ เช่น มันสำปะหลัง มะม่วง ข้าว มะพร้าว อ้อย ทุเรียน กล้วย แตงโม กระท้อน และขนุน